วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ธรรม ๔ ประการ เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่มนุษย์

ธรรม ๔ ประการ เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่มนุษย์ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัปปุริสสังเสวะ ๑ สัทธรรมสวนะ๑ โยนิโสมนสิการ ๑ ธรรมานุธรรมปฏิปัตติ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ประการนี้แล เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่มนุษย์ ฯ http://etipitaka.com/read?keywords=ไสย&language=thai&number=230&volume=21#      ๑. สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ ได้แก่การเข้าไปหา การสนทนา การปรึกษาสอบถามสิ่งที่ตนยังไม่รู้หรือสงสัยกะท่าน และนำเอากิริยามรรยาทของท่านอันสมควรแก่ตนมาปรับปรุงมรรยาทของตนให้ดีขึ้น      ๒. สัทธัมมัสสวนะ แปลตรงศัพท์ว่า "ฟังคำสอนของคนดี" ธรรม คือคำสั่งสอนของสัตบุรุษ คือคำสอนของคนดี หรือของบัณฑิต หรือของนักปราชญ์นั้น เป็นคำสอนที่ดีมีคุณประโยชน์แก่ผู้ฟังผู้ปฏิบัติตาม เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ทุก ๆ ฝ่าย เรียกว่า สัทธรรม      ๓. โยนิโสมนสิการ แปลตรงศัพท์ว่า การทำไว้ในใจโดยแยบคาย คือโดยอุบายที่ชอบธรรม หมายถึงความคิดนึกตรึกตรองพิจารณาให้ถ่องแท้ให้แจ่มแจ้งประจักษ์ถึงเหตุเกิดของสิ่งที่ได้เห็นได้ยิน ได้สูด ได้ลิ้ม ได้สัมผัส ได้รู้ ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ       ๔. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ แปลตรงศัพท์ว่า การปฏิบัติหรือการประพฤติธรรมอันสมควรแก่ความดี คนเราจะเจริญหรือจะเสื่อม ย่อมขึ้นอยู่กับความประพฤติปฏิบัติถ้าประพฤติผิดหรือประพฤติไม่สมควร คือประพฤติไม่เหมาะสม ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ถูกที่ดี ไม่ถึงดี หรือเกินดีไป ก็ย่อมจะหาความเจริญได้ยากหรืออาจประสบความเสื่อม ความพิบัติไปเลยก็ได้ ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.watprempracha.com/tummavipark_003.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น